เส้นทางตำนานกิเลน "สารัช อยู่เย็น" จากวันเริ่มสู่วันลา
- สุพรรณษา พาคํา
- Oct 26, 2020
- 1 min read

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดกระแสฮือฮาในแวดวงฟุตบอลไทย กับข่าวการย้ายทีมของ สารัช อยู่เย็น ที่ส่อแววย้ายออกจากทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยคาดว่าปลายทางแห่งใหม่จะไปลงเอยที่สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เบื้องหลังปัญหาหรือสาเหตุต่างๆ นานา ที่ทำให้เกิดดีลสุดช็อคนี้ผมคงไม่กล่าวถึงอีก เพราะมีหลายๆ สื่อขยี้กันไปเต็มที่แล้ว แต่วันนี้ผมจะ สวีทโบนันซ่า ยอดฮิต ขอกล่าวถึงเส้นทางลูกหนังของแข้งหนุ่มรายนี้ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานนักเตะคนสุดท้ายจากชุดแชมป์ไร้พ่ายเมื่อฤดูกาล 2012
"สตางค์" หรือ "ตังค์" สารัช อยู่เย็น เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลเจริญพงษ์ สมุทรปราการ ก่อนที่จะย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการในระดับชั้นประถมศึกษา
เขาสร้างชื่อเสียงตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบเศษในช่วงที่เตะฟุตบอลอยู่กับชมรมกังสดาล จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ซึ่งเขาก็ยังโชว์ฟอร์มในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนได้โดดเด่นเป็นตัวท็อปของรุ่นที่ถูกสถาบันดังๆ มากมายจับตามอง แต่ด้วยคอนเน็คชั่นของอัสสัมชัญ พอช่วงขึ้นม.ปลายเขาถูกพามาคัดตัวเข้าสู่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี สถาบันที่สร้างนักเตะคุณภาพขึ้นมาประดับวงการลูกหนังไทยมากมาย
ในช่วงนั้นจวบจนถึงปัจจุบันผลผลิตนักบอลจากอัสสัมธนฯ ส่วนใหญ่จะถูกผลักดันขึ้นสู่ระบบฟุตบอลอาชีพกับสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่จับเซ็นสัญญากันไว้ล่วงหน้า สารัช เองก็เป็นหนึ่งในนั้น สโมสรแห่งนี้นี่เองที่เขาเริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพสร้างความภาคภูมิใจให้คุณพ่อ "นิ้งหน่อง" มานพ อยู่เย็น (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วด้วยโรคสมองติดเชื้อ ในวัย 47 ปี เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2560) ที่ช่วงนั้นยังทำงานเป็นพนักงานส่งนสพ.ให้กับบริษัทสยามสปอร์ต ASIA369 ซินดิเคท เขาได้ฝากฝังลูกชายกับบอสใหญ่อย่าง ระวิ โหลทอง ประธานสโมสรในขณะนั้น และว่ากันว่าคุณลุงระวิก็รักและเอ็นดู "ตังค์" ไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่ง
ปี 2552 "ตังค์" ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ปีนั้นเป็นขวบปีสำคัญที่ "กิเลนผยอง" สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกของประเทศไทยไล่จากดิวิชัน 2, ดิวิชัน 1 จนถึงลีกสูงสุดโดยใช้เวลาเพียง 3 ปี และ สารัช เองก็มีส่วนร่วมกับทีมมากพอสมควรในการช่วยให้ทีมป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันในปี 2553 รวมถึงในปี 2554 เขาก็ยังมีโอกาสหมุนเวียนลงสนามอยู่บ่อยครั้งกับรุ่นพี่อย่าง ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ดานโญ่ เซียก้า แม้ฤดูกาลนี้ทีมจะไม่ประสบความสำเร็จ จบเพียงอันดับ 3 ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นริเก้ คาร์ลิสโต้ กุนซือชาวโปรตุกีส ก่อนที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานกองหน้าของลิเวอร์พูล จะมารับบทเพลย์เยอร์-เมเนอร์เจอร์ในช่วงปลายเลก 2
Comments